Saturday, October 15, 2011

trip เชียงใหม่ 1

หลังจากที่จองตั๋วเครื่องบินราคาโปรหางแดงล่วงหน้านานหลายเดือน ก็ถึงเวลาสำหรับทริปเชียงใหม่ของเราเสียทีจ้า แต่ก่อนเดินทางไม่กี่วันก็ต้องมานั่งลุ้นกันว่า เชียงใหม่น้ำจะลดทันรึเปล่า ผลสรุปออกมาว่าเราโชคดีที่ได้ไปหลังน้ำลดดีแล้วพอดีเลย แถมครูโกะผู้แสนดีก็ออกปากให้ยืมรถได้จ้ะ ประหยัดค่าเช่ารถไปหลายอยู่ ขอบคุณหลายเน้อเจ้า...

Day 1 
ลงจากเครื่องกันเช้าวันที่ 4 ตค. เราก็นั่งแท็กซี่ของสนามบินไปบ้านครูโกะ (เสียดายไม่ทันเห็นแท็กซี่มิเตอร์ น่าจะถูกกว่าพอสมควร) น้องซันเจอข้าวหอมกับต้นกล้าครั้งแรก (ลูกสาวโซโนโกะ กับ ลูกชายพ่อเอก สวนสายลมจอย) ก็เขินๆนิดหน่อย หลังจากกินแก้วมังกรปากแดงกันได้ที่แล้ว เราก็เริ่มขอตัวไปเที่ยวกันเลย เสียดายที่เจ้าบ้านยุ่งๆช่วงนี้เลยไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันเลยเนาะ

ทริปนี้เราต้องพึ่งพาเจ้า GPS ตัวเก่ง เรียกว่าฝากผีฝากไข้กันเลยทีเดียวค่ะ เริ่มต้นก็ไปพระธาตุดอยคำกันก่อน แล้วก็กะว่าจะไปที่กฤษดาดอย ต่อด้วยอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ปิดท้ายด้วย Night Safari และตีรถกลับเข้าเมืองไป check in ที่โรงแรม ซึ่งเป็น guest house เล็กๆ น่ารัก ชื่อ บ้านหน้อยนอนม่วนจ้ะ

พระธาตุดอยคำ ในที่สุดก็มาถึง





 วิวสวยจากลานชมวิวบนพระธาตุดอยคำ




ไปทานข้าวกลางวันเคล้าเสียงน้ำตก(เทียม)กัน ที่กฤษดาดอย



ดอกไม้ยังไม่งามมากช่วงนี้ แต่ก็พอมีมุมสวยๆอยู่บ้าง










เรียนรู้ธรรมชาติ ดูมด แมลง หญ้า มอส ไปตามเรื่องตามราว มีนกยูงด้วย






ดูเหมือนว่าบริเวณส่วนใหญ่ตอนนี้กำลังลงดอกไม้ชุดใหม่ ส่วนมากมองไปตอนนี้มีแต่เขียวๆ









ต่อไปตามแผนคืออุทยานหลวงราชพฤกษ์ แต่ปรากฎว่าเมื่อเราไปถึง ถึงรู้ว่าเค้าปิด เพื่อเตรียมจัดงาน Royal Flora 2011 เสียดายจริงๆ อุตส่าห์มาถึงแล้วเชียว เราก็เลยมีเวลาเหลือเยอะเลย เพราะคิวต่อไปเป็น Night Safari ตอนนี้เพิ่ง 3-4 โมงเอง ขับรถไปเรื่อยๆ เจอป้าย ท่องเที่ยวเชิงเกษตรผึ้ง เลยแวะเข้าไปดู เจอเจ้าหน้าที่เล่นเปตองกันอยู่ 2 - 3 คน ดูเหมือนว่าจริงๆหน่วยงานนี้ย้ายไปแล้ว ก็เลยไปเล่นเปตองกับเค้าซะเลย และเดินเล่นฆ่าเวลาแถวๆนั้น เจอที่เค้าเลี้ยงผึ้ง ดูเผินๆเหมือนโลงศพเล็กเรียงรายเต็มไปหมด




 
ออกจากที่นั่นมาอีกหน่อยเดียวก็ถึง Night Safari ฝนตกพรำๆพอดี เจอเจ้าลูกแพะน้อย น่ารักมากๆ แต่ไม่ทันได้เก็บภาพเลย ต้องหลบฝนก่อน แถมยังมีตัวนึง มุดหัวเข้าไปใต้กรง แล้วเขาก็ติดออกไม่ได้ เลยนอนพงาบๆติดแหง็กอยู่อย่างนั้น เราก็เลยรีบไปบอกเจ้าหน้าที่ให้มาช่วย รอดไปนะเจ้าหนู

อ้อ..ค่าตั๋วที่นี่แพงพอสมควรนะคะ รอบกลางคืน ผู้ใหญ่ 250.- เด็ก 125.- ถ้าใครจะมาลองเข้าเวปดูโปรโมชั่นหน่อยก็ดีค่ะ เช่น ช่วงที่เราไปมีโปรกับ The One Card ลด 25% แต่เราต้องรู้เองนะคะ เค้าจะไม่บอกค่ะ และเท่าที่เห็น จริงๆแล้วดูรอบกลางวันจะถูกกว่ามาก แต่ควรเป็นรอบสุดท้าย รู้สึกจะเป็น 17.00 น. จะได้ไม่ร้อน และไม่มืด เพราะเราดูรอบที่มืดแล้วเนี่ย (ก็เห็นว่าชื่อ Night Safari) มองไม่ค่อยชัด ถึงจะมี spot light ส่องให้ก็ตาม ถ่ายรูปก็ห้ามใช้ flash รถก็วิ่งไปเรื่อยๆ ภาพเบลอหมดเลยค่ะ แต่การดูรอบกลางคืนก็เย็นสบาย และได้อารมณ์ไปอีกแบบ ก็แล้วแต่ชอบค่ะ  แต่แนะนำให้นั่งรถคันหน้า กรณีพ่วงสองคัน เพราะบางทีคนขับหยุดให้ดูสัตว์ แต่มุมมองคันหลังมักไม่เห็นเลยค่ะ

ข้างในนี้มีอาหารเย็นขายเป็น buffet  ด้วยนะคะ คนละ 180.- เราว่าไม่คุ้ม แต่ก็กินกันค่ะ ทำไงได้


เจ้าเม่นขาว หลับอุตุเลย เพราะยังไม่มืดค่ะ


อันนี้ตัวอะไรก็ลืมไปซะแล้ว




ส่วนหน้ามีสวนนกซันคอร์นัวร์ น่ารักมากกกกค่ะ ใครใส่เสื้อผ้ามีกระดุม ตุ้งติ้ง ตุ้มหู ติดกิ๊บ อะไรพวกนี้ระวังให้ดี มันจะมารุมกินโต๊ะนะจ๊ะ


เจ้าซันกลัวนกเกาะค่ะ ไปตั้งการ์ดอยู่ตรงประตูทางออก 555






อีกอย่างคือที่นี่ เขาจะมี walking zone รอบสระน้ำ ประมาณกิโลกว่า เหมาะสุดที่จะเดินตอนเย็น ก่อนมืด บรรยากาศดีมากๆค่ะ  แต่เราติดฝนกัน ก็เลยไปเดินตอนใกล้จะค่ำแล้ว ทางเดินมีไฟก็จริง แต่ก็ยังมืดมาก น่ากลัวไปหน่อยสำหรับเด็กๆค่ะ จะมีสัตว์เล็กมากมายให้เดินชมได้รอบๆค่ะ






ตะโขง ดุพอๆกับตะเข้นะจ๊ะ








น่าสงสารเจ้านกเงือก




เจ้าตัวนี้รอตั้งนานก็ไม่หันมาซะที ตัวเล็กนิดเดียวเหมือนชิวาว่าค่ะ


เจ้านี่ถ้าจำไม่ผิดคือกระรอกบิน


ไก่ฟ้าสีทอง


เจ้าตัวนี้น่ารักมากๆๆๆ ตัวเล็กนิดดดดดเดียว ดูชื่อกันเอาเองนะคะ



สาวน้อยอายุหกเดือนตัวนี้ชื่อน้องมายาค่ะ เป็นลูกเสือโคร่งขาวที่เหลือแค่สองสามร้อยตัวในโลก เค้าให้เข้าไปอุ้ม ป้อนนม ถ่ายรูปได้ ครอบครัวละ 300 บาท แต่น้องซัน say no ลูกเดียว


มี dance เล็กๆ สองสามชุดโชว์ให้ดู คั่นเวลา ตอนรอรถด้วยค่ะ และก็มีการโชว์น้ำพุเต้นระบำ เป็นรอบด้วย แต่ถ่ายรูปมาไม่ได้ค่ะ เพราะไปยืนดูท่ามกลางฝนปรอยๆน่ะ 


Hi-Light จริงๆของที่นี่คือการนั่งรถชมสัตว์ ที่น่ารักที่สุดคือเจ้ายีราฟนี่ล่ะค่ะ มาให้ชมและป้อนอาหารใส่ปากกันอย่างใกล้ชิดสุดๆ ลิ้นสีดำ ยาวเป็นฟุตเลยค่ะ




แต่เจ้าม้าลายนี่ถ้าป้อนใส่ปากกับมือมีหวังเล็บแตกค่ะ


ที่เด็กๆชอบกันมากอีกอย่างคือ แก๊งลูกหมู(ป่า)ค่ะ น่ารักสุดๆ แต่ถ่ายรูปไม่ได้เลย เพราะมันวิ่ง และสภาพแสงน้อยค่ะ แต่คอนเฟิร์มว่าฮามากๆ เป็นดาวเด่นของโซนเลยค่ะ

จบจาก Night Safari เราก็ไป check in ที่บ้านหน้อยนอนม่วน บรรยากาศน่ารักดีค่ะ เราจะอยู่ที่นี่กัน 3 คืนจ้า




Day 2
วันนี้เราประเดิมกันด้วยการไปไหว้พระธาตุดอยสุเทพค่ะ อากาศดี แต่คนน้อยมาก ขาขึ้น ขึ้นลิฟท์ไปคนละ 20.- ขาลงสละสิทธิ์การใช้ลิฟท์ เดินลงกัน สบายๆค่ะ

ไหว้พระธาตุ เดินสวดมนต์ประทักษิณ 3 รอบ





กล่องรับบริจาคนะนั่น มีให้เลือกทุกอย่างเลย อยากทำบุญอะไร



บังเอิญว่าลืมเติมน้ำมันรถ และโดนขู่ไว้ว่าทางขึ้นดอยปุยอันตราย เราก็เลยตัดสินใจจอดรถไว้ที่ดอยสุเทพ และเหมารถสองแถวไปพระตำหนักภูพิงค์และดอยปุยแทนค่ะ ค่ารถ 400 บาท เราเลยไปดอยปุยกันก่อน เพราะภูพิงค์งดจำหน่ายบัตรตอนพักเที่ยงชั่วโมงครึ่งค่ะ

ไปถึงก็มีเด็กน้อยชาวม้ง มาอาสาพาเดินเที่ยว หารายได้เล็กๆน้อยๆ ซึ่งก็ไม่ได้ทำอะไรหรอกค่ะ เดินไปกับเราเฉยๆ แทบจะไม่พูดอะไรเลยด้วยซ้ำ เราต้องเป็นฝ่ายชวนคุยตลอด ระหว่างทางที่เดินเข้าไปในหมู่บ้าน มีเก็บค่าเข้าด้วยนะ ก็เป็นร้านรวงขายของเหมือนๆกันหมด ตัดเย็บเองก็จริง แต่ก็ใช้แบบเดียวกันหมด รับมาขายก็จากที่เดียวกันหมด มีแต่คนขายของ ไม่มีคนทำอาชีพอื่นกันเลยรึไงก็ไม่รู้ มีแต่ลุงเนี่ยค่ะ ให้ยิงหน้าไม้ 3 ลูก 10.- น่าจะรายได้ดีสุดนะเนี่ย แทบไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรเลย ก็อุดหนุนแกไปคนละชุดสองชุดล่ะค่ะ




เห็นอีกอาชีพนึงก็คือให้เช่าชุดชาวเขาถ่ายรูป กับมาถ่ายรูปให้แล้วอัดรูปขาย

เด็กดอยคนนี้โดนแม่บังคับแต่งตัวถ่ายรูป อิอิ



ดอกเสี้ยนฝรั่ง (ไกด์เราว่างั้น)





แม่ก็เอากับเขาด้วย


ดอกฝิ่น ที่ปลูกไว้เพื่อความสวยงาม


จากดอยปุย ก็กลับลงมาที่พระตำหนักภูพิงค์ ค่าเข้าคนละ 20.- แต่ค่ารถ 300.- ใช้เวลาประมาณ 50 นาที มีคนอธิบายให้ฟังเป็นจุดๆไป ช่วยได้มากค่ะ เพราะพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ ขึึ้นเขาด้วย เวลาก็มีจำกัด อากาศก็ไม่ได้เย็น ถ้าเดินคงไม่สนุกแน่


พระตำหนักฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯ


บรรยากาศสวยงาม ร่มรื่น หน้าหนาวจะยิ่งสวยมาก



ต้นนี้รู้สึกว่าจะเป็นยางอินเดีย ?





เฟิร์นยักษ์



จิ้งจกน้ำอินทนนท์






ปกติจะเปิดเพลงพระราชนิพนธ์ ตรงที่นั่งพักผ่อนบริเวณน้ำพุนี้




กอไผ่ยักษ์



สวนดอกไม้ที่สวยงาม







ตอนเย็นกลับลงมา แวะเติมน้ำมัน ที่ข้างๆปั๊มคือวัดโลกโมฬี สวยงามมากค่ะ








มีส่วนหนึ่งเป็นซุ้มองค์เจ้าแม่กวนอิมด้วย


ตอนค่ำไปเดินเล่นที่ Night Bazaar กัน น้องซันตื่นตาตื่นใจพอสมควร แต่แม่ว่าของมันเหมือนๆกันไปหมด ไว้ไปดูที่ถนนคนเดินเสาร์อาทิตย์ดีกว่า น่าจะมีอะไรแปลกๆมั่ง

แล้วเราก็จบวันนี้ลงอย่างมีความสุข พบกันใหม่ใน Trip เชียงใหม่ 2 นะจ๊ะ

No comments:

Post a Comment