Sunday, October 16, 2011

trip เชียงใหม่ 2

Day 3
วันนี้เราจะไปเที่ยวน้ำพุร้อนสันกำแพงกันค่ะ และแวะเที่ยวถ้ำเมืองออนที่อยู่ใกล้ๆกันด้วย ถ้ำนี้มีพระธาตุนมผา ที่เกิดจากน้ำที่หยดลงมาทับซ้อนกันเป็นเวลานานจนสูงใหญ่ ตามตำนานเล่าว่า พระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาที่ถ้ำแห่งนี้ ซึ่งมีพญานาคอาศัยอยู่ ท่านได้ถวายการรับใช้พระพุทธเจ้า และทูลขอพระเกศาธาตุมาประดิษฐานไว้ ณ ที่แห่งนี้

บันไดทางขึ้นสู่ถ้ำ



เดินไป พักไป ถ่ายรูป ดูวิว ไปพลางๆ ส่วนเจ้าซันไปรอข้างบนแล้ว




บันไดที่พาเราลงสู่ตัวถ้ำซึ่งอยู่ลึกลงไปเบื้องล่าง


ช่องพิเศษจุดเดียวที่มองลงไปเห็นยอดพระธาตุได้


แบบนี้...


หินรูปแมวน้ำ



ลงมาด้านล่าง พระธาตุนมผา


พระพุทธรูปบนชั้นหิน รูปร่างคล้ายดอกบัวค่ะ


ดื่มน้ำศักสิทธิ์



หินรูปเรือ และรูปต่างๆ ตามจินตนาการของผู้มอง





หินรูปพระ ลึกลับจริงๆ ต้องมุดช่องเล็กๆ มืดๆ เข้าไปจึงจะเห็นได้ เล็กนิดเดียว


โชคดีที่บันไดขึ้นลงภายในทำ ทำใหม่เป็นปูนแล้ว เมื่อก่อนนี้เป็นบันไดไม้ไผ่ ลำบากกว่านี้มากค่ะ


เสร็จจากถ้ำ เราก็จะไปแช่เท้าในน้ำพุร้อนแก้เมื่อยกันซะหน่อยนะจ๊ะ บริเวณที่ห่างจากลานน้ำพุออกมามาก น้ำจะแค่อุ่นๆเท่านั้น ต้องไปนั่งใกล้ๆน้ำพุหน่อย ใกล้ๆกันมีบ่อต้มไข่ด้วยนะ แต่เมื่อเช้าซัดมาสองฟองแล้วค่ะ ขอบายละกัน



น้ำที่พุ่งขึ้นมามีอุณหภูมิสูงถึง 105 ํc 


 

แช่กันจนเท้าแดงไปหมดเลยค่ะ แต่ก็สบายดี



ฝั่งตรงข้ามมีหนุ่มฝรั่งคนนึงนั่งแช่เท้าอยู่เหมือนกัน คุยกันไปคุยกันมา เผลอแป๊บเดียวน้องซันไปนั่งตักเค้าซะแล้ว

เสร็จจากแช่เท้ารู้สึกยังไม่สะใจ อุตส่าห์ขับรถมาตั้งไกล ก็เลยไปเปิดห้องพักชั่วคราว (ชม.ละ 200.-) แช่กันทั้งตัวอีกรอบนึงค่ะ แช่ได้แป๊บเดียวก็ไม่ไหวแล้ว ที่จริงคิดว่าคงต้องทำคล้ายๆอบซาวน่า คือร้อนสลับเย็นไปมา แต่บังเอิญฝักบัวน้ำเย็นมันไม่ค่อยเวิร์ค น้ำเป็นฝอยอ่อนๆเท่านั้น เราเลยไม่ได้แช่น้ำเย็นกัน ปรากฏว่าออกมามึนและเพลียมากๆ งีบหลับไปในทันทีเลย ส่วนน้องซันก็บ่นว่าเหนื่อยมาก หมดแรง เหมือนวิ่งมาทั้งวัน (ดีนะที่เราไปถ้ำกันก่อนแล้ว ไม่งั้นอาจขึ้นไม่ไหว) ก็เป็นบทเรียนที่ดีอันนึงค่ะ

ตอนเย็น ไปรับครูโกะ ข้าวหอม ต้นกล้า และคุณพ่อชาวญี่ปุ่นของโกะ ไปทานข้าวด้วยกัน ที่อิ่มปลาเผา เด็กๆเล่นกันเหงื่อท่วมตัว สนุกจนไม่อยากกลับกันเลยค่ะ 

Day 4
วันนี้เราย้ายออกไปอยู่ที่โรงแรมใหม่ชื่อ ลิลู ซื้อ voucher ไว้นานแล้วค่ะ ตกคืนละ  450 เท่านั้น ห้องหรูสวยงามเรียบร้อยดีมาก แต่เสียดายที่ขนาดห้องเล็กไปหน่อย ค่อนข้างอึดอัด และห้องที่เราได้อยู่ติดถนน หนวกหูเสียงรถเสียงคนเต็มไปหมดแต่เช้า

เสร็จจาก check in เราก็ไปเที่ยวกันที่ บ้าน๑๐๐อัน๑๐๐๐อย่าง เป็นคล้ายๆพิพิธภัณฑ์ มีศิลปวัตถุของเก่าที่สวยงามต่างๆมากมาย บางส่วนก็จำหน่ายด้วย ค่าเข้าชมถือเป็นเงินบริจาคสนับสนุนโครงการ ชั้นล่างคนละ 20.- ชั้นบน 100.- ถือว่าคุ้มมากค่ะ ถ้าใครมาเชียงใหม่ แนะนำให้หาเวลามาชมที่นี่นะคะ



เดี๋ยวนี้ช่างฝีมือชั้นครู ที่ทำงานเหล่านี้ได้ เสียชีวิตกันไปเกือบหมดแล้วค่ะ





ขาวๆนั่นคือกระดูกสะโพกช้างค่ะ


งานชิ้นนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากภาพที่เห็นในรูป แต่เปลี่ยนจากช้างแอฟริกาและนางแบบตะวันตก มาเป็นช้างไทยกับแม่หญิงชาวเหนือ





Erotic Art Corner



ส่วนนี้เป็นห้องนอนของท่านผู้เป็นเจ้าของที่นี่ค่ะ กลางวันเข้ามาชมได้ถึงห้องนอนและห้องน้ำบรรยากาศสุดๆไปเลยทีเดียว



ผลงานที่เก็บรักษาไว้มีอีกมากมาย





พระทองคำองค์เล็กจิ๋ว ถูกรวบรวมไว้ที่นี่จำนวนมาก



ด้านหลังจัดทำเป็นสวนปฏิบัติธรรมสำหรับผู้สนใจด้วย แต่ฝนตกถ่ายรูปมาไม่ได้ค่ะ ได้แค่นี้


และนี่คือ อาจารย์สรวย ณสุนทร ผู้กล้าและบ้าพอ ที่จะแบกภาระหนี้สินมากมาย เพื่อถนอมรักษางานเหล่านี้ไว้ให้เราได้ชื่นชมกันค่ะ


จากนั้นเราก็กลับเข้ามาในตัวเมืองเชียงใหม่ ฝนตกหนักพอดี เลยไปแวะหาอะไรกินแถวกาดสวนแก้ว พอฝนหยุดก็ไปแถวถนนนิมมานเหมินทร์ เห็นเขาว่ามีพิพิธภัณฑ์แมลงโลกและสิ่งมหัศจรรย์ธรรมชาติ ก็ว่าจะไปดู เห็นสถานที่เป็นตึกเล็กๆ มองป้ายแทบไม่เห็น เข้าไปสอบถามค่าเข้าชม เขาบอกว่า 3 คนคิด 500.- ทำไมแพงจัง ข้อมูลในเน็ตบอกว่าคนละ 100.- เด็ก 50.- เราก็เลยไม่เข้าดีกว่า ดูแปลกๆพิลึก อีกอย่างเราก็จะไปเที่ยว insect zoo ที่แม่ริมกันอยู่แล้วด้วย ว่าแล้วก็ไปหาอะไรกินซะหน่อย แถวนิมมานฯ มีร้านเก๋ๆมากมาย เราไปกินไอติมชื่อร้าน IceDea มีรสแปลกๆให้ลองหลายอย่าง เช่น รสข้าวต้มมัด, รส Energy Drink (กระทิงแดง?), รส New York Cheese Cake, รสยาคูลท์, รสโลกร้อน เป็นต้น ก็อร่อยดีค่ะ เสร็จแล้วก็ต่อด้วย สลัดสดกรอบที่ Salad Concept ร้านสลัดที่เป็นดังสวรรค์ของคนชอบกินผัก (Hydroponic) เป็นร้านที่ขายดีมากๆ ไม่น่าเชื่อเลยค่ะ ทานจนอิ่มแปล้เลย ที่กรุงเทพฯน่าจะมีบ้างนะเนี่ย ร้านก็สวย ราคาก็ไม่แพงเกิน จะว่าไปถูกกว่าตักสลัดบาร์ชั่งน้ำหนักจากในซุปเปอร์อีกนะ

อิ่มอร่อยกันแล้ว ก็ไปขึ้นเรือล่องแม่ปิงกันดีกว่า ท่าเรืออยู่ที่วัดชัยมงคล ใกล้โรงแรมเราเลย แต่ไม่ได้ไปลำนี้หรอกค่ะ เพราะมีกันแค่ 3 คนเท่านั้น สำหรับรอบนี้ เย็นมากแล้วด้วย




นั่งเป็นเจ้าแม่เลย


มุมมองพิเศษส่วนตัว




ปลายทางแวะที่บ้านชาวนา แต่กว่าจะไปถึงก็หกโมงแล้วอะ แทบจะไม่ได้ชื่นชมบรรยากาศอะไรเลย ได้แต่นั่งทานผลไม้ กับดูเจ้าเล็บยาวนี่แล้วก็กลับ ไม่เคยนั่งเรือล่องแม่น้ำมืดๆอย่างนี้มาก่อนเลยค่ะ หนาวมากด้วย ถ้าใครจะไปแนะนำให้นั่งรอบบ่ายสามดีกว่าค่ะ แต่จริงๆแล้วก็ไม่มีอะไรนะ วิวเจ้าพระยากินขาด แถมนี่แพงอีกต่างหาก (แอบบ่นเล็กน้อย อิอิ)



จบวันแต่เพียงเท่านี้เน้อเจ้า พบกันใหม่ใน trip เชียงใหม่ 3 เจ้า

No comments:

Post a Comment