ลงเรือข้ามฟากไปยังวัดระฆัง
แวะชมบ้านมะตูม, บ้านช่างหล่อ, บ้านข้าวเม่า, บ้านบุ
ช่วงนี้ไม่ใช่หน้ามะตูม เลยไม่ได้เห็นค่ะ มีอยู่แค่นี้ เก่าๆผุๆอะ
มีให้ดูต้นหนึ่ง เวลาทำจริงๆจะสั่งมาจากที่อื่น
อันนี้เป็นเปลือกส้มโอแช่อิ่ม ประมาณนั้น
ต่อด้วยชุมชนบ้านช่างหล่อ ที่เดี๋ยวนี้งานฝีมือเช่นนี้ สูญหายไปเกือบหมดแล้ว เป็นที่น่าเสียดายมากๆค่ะ ชมสาธิตขั้นตอนการหล่อพระโดยส
ต้องดิ้นรนขยับขยายมาประยุกต์ผสมผสานกับงานศิลปะแบบอื่น
ชั้นล่างเด็กๆกำลังเล่นสะบ้ากัน
เสร็จจากที่นี่เราก็เดินไปที่บ้านข้าวเม่ากันค่ะ ถนนอิสรภาพ ระหว่างทางมีอะไรดูเพลินๆ
ถึงพิพิธภัณฑ์ข้าวเม่าแล้ว มีความรู้มากมายให้ชมกัน ภูมิปัญญาการทำขนมไทยโ
ลัดเลาะไปชิมของจริงกันดีกว่า รวมทั้งชิมกาละแมโบราณขนานแท้และดั้งเดิมด้วย
กวนไม่เป็นห้ามแหยมเด็ดขาด ร้อนสุดใจขาดดิ้น ร้อนและเหนียวติดเหมือนกาว เช็ดไม่ออก ยิ่งเช็ดยิ่งพองเชียว แต่ถ้าได้ชิมล่ะก็ ติดใจทุกคน
ส่วนข้าวเม่าหมี่ที่นี่เด็ดสุด หอม กรอบ เค็ม หวาน มัน อร่อยจริงๆ หาซื้อไม่ได้ง่ายๆเสียด้วยนะจ๊ะ
จากนั้นก็แยกย้ายกันไปทานอาหารกลางวัน แถวบางขุนนนท์ แล้วกลับมาพบกันที่หน้าพระอุโบสถ วัดสุวรรณาราม ซอยจรัลสนิทวงศ์ ๓๒ เพื่อมาสักการะหลวงพ่อศาสดา ศิลปะสุโขทัย อายุกว่า ๗๐๐ ปี
ชมจิตรกรรมฝาผนังฝีมือบรมครูย
ผนังโบสถ์ลายชุมนุมเทวดา
ชมภาพพุทธประวัติตอนโปรดพุท
และมีการวิ่งม้าแก้บนด้วย ว่ากันว่าเป็นแห่งเดียวในเมืองไทยที่ยังมีอยู่ที่นี่ค่ะ แต่น่าเสียดายเราไม่ทันได้เห็น ไม่รู้ว่าวิ่งไปตอนไหน อดดูเลย เห็นแต่โชว์กระบี่กระบอง
จากนั้นก็เดินทางไปบ้านบุ ผ่านตลาดวัดทอง อายุกว่า ๙๐ ปี ตลาดไม้ไร้คาน ที่หลงเหลือแห่งเดียวในกรุงเทพฯ
แวะเยี่ยมชม ร้านสงวนโอสถ เป็นร้านขายยาโบราณอายุกว่า
แวะบ้านขันลงหิน “เจียม แสงสัจจา” ชมการทำขันลงหิน ของชาวบ้านบุ ผู้สืบทอดหัตถกรรมชั้นยอดแห่งสุดท้ายของแผ่นดินไท
ถึงโรงรถจักรธนบุรี สถานที่จบชีวิตของโกโบริ จากเรื่องคู่กรรม ชมหัวรถจักรไอน้ำสมัยสงคราม
จากนั้นก็ไปขึ้นเรือที่ศิริราชกลับไปที่ฝั่งท่าช้างอีกครั้งค่ะ เป็นวันที่แม้จะเหนื่อย แต่ก็ได้ความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆมากมาย ขอบคุณเครือข่ายท่องเที่ยวภาคประชาสังคมสำหรับกิจกรรมดีๆแบบนี้ค่ะ
No comments:
Post a Comment