Monday, March 21, 2011

trip หมู่บ้านเด็ก - แวะเที่ยวเมืองกาญจน์

เราไปเข้าค่ายประเมินผลโฮมสคูลที่โรงเรียนหมู่บ้านเด็ก กาญจนบุรี ตอนปลายเดือนกุมภา 54 ค่ะ แล้วเลยแวะเที่ยวด้วย เมืองกาญจน์มีที่เที่ยวเยอะมาก ต้องหาโอกาสไปอีกหลายๆครั้งแน่เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนไปค่ายประจำปีคราวต่อๆไป


โรงเรียนหมู่บ้านเด็ก บรรยากาศดีมากๆ มองไปเห็นแม่นำ้แควใหญ่(?) มีท่าให้ลงเล่นนำ้ได้ด้วย




เจอตะขาบตัวเบ้อเริ่ม เด็กๆตื่นเต้นกันใหญ่




Break the ice กันก่อน โดยพี่ๆทีมงานครูหยี มืออาชีพจริงๆ




สนุกสนานกันทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่












แข่งสร้างโครงสร้างจากหนังสือพิมพ์ให้สูงที่สุด 




ของกลุ่มเราน่าจะชนะเลิศในแนวราบนะ เนื่องจากตั้งไม่ได้ 555 (โปรดสังเกตชื่อหอคอยด้วยนะจ๊ะ)




สูสีกันมาก




supper  แสนอร่อย โดยเฉพาะคุกกี้ที่เด็กๆลงมือขยำ เอ๊ย! ปั้นเอง อร่อยมากกกกกกกก




น้องซัน กะ น้องแอน และ หนูน้อยกะทิน่ารักสุดๆ มีตอนนึงซันพูดอังกฤษกับแอน แอนโต้กลับมาเป็นภาษากะเหรี่ยง ซันถึงกับมึนไปเลย




ตอนกลางคืนแว่บไปดูการแสดงสงครามเก้าทัพ แต่โชคร้ายสุดๆที่คืนนั้นฝนตกหนักหลังจากเริ่มแสดงไปแค่ประมาณ 10 นาทีเท่านั้น จ๋อยสุดๆ ทั้งเปียก ทั้งหนาว ทั้งเสียเงินฟรี เฮ้อ...


หน้างานมีหมู่บ้านจำลอง นี่เป็นเตาเผาสำหรับตีดาบจ้า




เครื่องทอผ้า ทอได้จริงๆ แต่ทอไม่เป็น อิอิ




ครกกระเดื่องตำข้าว




เผาข้าวหลาม




เริ่มงานแสดงได้แป๊บเดียวก็ต้องวิ่งหนีฝนกันอลหม่าน ตกหนัก นานหลายชั่วโมง แต่ the show must go on รู้สึกว่าการแสดงยังมีต่อจนจบ แม้จะแทบไม่เหลือคนดูก็ตาม






นี่เป็นที่พักที่เราอยู่ เนื่องจากปีนี้ ครอบครัวโฮมสคูลเรามาเข้าค่ายกันเยอะเป็นประวัติการณ์ ทำให้ที่พักในหมู่บ้านเด็กไม่เพียงพอ เราก็เลยย้ายมานอนกันข้างนอกที่โรงแรมแถวนั้น


เจ้าสองตัวนี้น้องซันตั้งชื่อให้ว่าเจ้า Fighto กับเจ้า Pipo เล่นกันทุกวัน




บ้านร้างหลังที่พักของเรา เมื่อก่อนคงสวยมาก น่าเสียดายจริงๆ




ที่พักที่เราอยู่นี้เป็นเรือนไทย ตอนกลางคืนมีเรื่องตื่นเต้นให้ฝึกจิตด้วย ขอไม่เล่านะจ๊ะ อิอิ




บริเวณหน้าโรงแรมไมด้า




ด้านในติดแม่นำ้ บรรยากาศดีไม่ใช่เล่น




ดูท่าซินั่น...




ศาลาริมนำ้




ขุยจักจั่นที่เจอแถวนั้น เต็มไปหมดเลย




 ชิงช้าใหญ่มาก เล่นไม่ได้จริง เพราะจับไม่ถึง




ดอกไม้แสนสวย






เจ้าตัวนี้เดินอวดโฉมอยู่ที่นำ้ตกเอราวัณ




นำ้ตกเราวัณชั้นที่หนึ่ง




นำ้ตกเราวัณชั้นที่สอง เราลงเล่นนำ้กันที่ชั้นนี้แหละ นำ้เย็นพอสมควร แต่ที่สุดๆคือปลาตอดค่ะ เป็นปลาพลวงเต็มท้องนำ้ไปหมด ไม่ถึงกับเจ็บ แต่ก็พอสะดุ้งๆเสียวๆคันๆอยู่เหมือนกัน พวกเราว่ายไปปีนขึ้นไปบนหลังม่านนำ้ตกด้านหลังนั่นด้วย นำ้แรงซู่ซ่า สะใจใช้ได้เลย แต่น้องซันไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ ออกจะกลัวความแรงของนำ้ ความลึก และกลัวปลาด้วย ลูกหนีขึ้นแล้ว แต่แม่ยังลอยคออยู่นั่น




ทางเดิน/ทางจักรยาน ขากลับจากนำ้ตก




" น้ำตกเอราวัณ " สำหรับท่านที่ต้องการเยี่ยมชมน้ำตกทั้ง 7 ชั้น จากการสอบถามจากเจ้าหน้าที่จะต้องใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงในการขึ้น - ลง

เริ่มจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว

เดินไป 500 เมตร ท่านก็จะถึง น้ำตกชั้นที่ 1 ไหลคืนรัง

เดินไปอีก 100 เมตร ท่านก็จะถึง น้ำตกชั้นที่ 2 วังมัจฉา

เดินไปอีก 150 เมตร ท่านก็จะถึง น้ำตกชั้นที่ 3 ผาน้ำตก

เดินไปอีก 350 เมตร ท่านก็จะถึง น้ำตกชั้นที่ 4 อกนางผีเสื้อ

เดินไปอีก 450 เมตร ท่านก็จะถึง น้ำตกชั้นที่ 5 เบื่อไม่ลง

เดินไปอีก 300 เมตร ท่านก็จะถึง น้ำตกชั้นที่ 6 ดงพฤกษา

เดินไปอีก 200 เมตร ท่านก็จะถึง น้ำตกชั้นที่ 7 ภูผาเอราวัณ

รวมระยะทางทั้งสิ้น 2,050 เมตร



ต่อมาเราก็ไปวัดเสือหลวงตาบัวกันค่ะ ต้องมาก่อนเที่ยงเล็กน้อยจะดีที่สุด เพราะคนไทยสามารถเข้าได้ฟรี คือบริจาคตามศรัทธา แต่หลังเที่ยงไปทุกคนต้องเสียคนละหลายร้อยบาทเป็นค่าเข้าชม ภายในมีสัตว์จากป่าอยู่หลายประเภท มีหมีดำตัวอ้วนมากกก..ด้วย แต่ไม่มีรูปค่ะ


เจ้านี่เป็นแพะรับบาป เอ๊ย! แพะรับแขกที่น่ารักมากๆ เข้ามาประจบคลอเคลียทั้งขาไปขากลับ และจะรู้หน้าที่มาก ไม่ออกไปนอกบริเวณเลย




กวาง มีหลายตัว และค่อนข้างเชื่องทีเดียว




เจ้าม้าน้อยราวกับจะยิ้มให้



หมูป่าก็มีเพียบ



นกยูงรำแพนพอดี งามแต้ๆ




ไม่ทันไร หุบซะละ




มีนกกระจอกเทศด้วย




คราวนี้ก็ได้เวลาพี่เสือออกโรง ซันนี่ถูกเสือจ้อง หันหน้าตามตลอดจนชักเสียว...




สบายมากเลย เกาพุงเนี่ย




แอบจักจี้อุ้งเท้าน้องเสือด้วย




พยายามนั่งท่าเดียวกันเพื่อสร้าง rapport อิอิ




ก่อนถ่ายรูปนี้น้องซันโดนหางพี่เสือตบเข้าเต็มแก้มเลย




ผมหล่อมั้ยครับ
 


แล้วก็ไปถำ้กระแซ ถ้ำนี้เป็นถ้ำที่เคยเป็นที่พักของเชลยศึก เมื่อครั้งสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะ จากไทยไปพม่า ตัวถ้ำติดกับเส้นทางรถไฟสายกาญจนบุรี-น้ำตก




บริเวณนี้เป็นจุดที่สร้างทางรถไฟยากที่สุด เนื่องจากเส้นทางโค้งเลียบเขา เบื้องล่างเป็นแม่น้ำแควน้อย




ทางรถไฟที่สังเวยชีวิตเชลยไปมากมาย




ภายในถ้ำโปร่งและมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่




มองจากปากถ้ำมาที่บริเวณทางรถไฟจะเห็นทิวทัศน์ที่งดงาม และมองเห็นแม่น้ำแควน้อยอยู่เบื้องล่าง




บริเวณนั้นมีร้านรวงขายของมากมาย เราได้อุดหนุนแผ่นหนังตอกลายมาจากคุณลุงคนนี้ด้วย ป่านนี้ยังหากรอบใส่ไม่ได้เลย มันใหญ่และ size ไม่มาตรฐานการอัดรูป ก็เลยหากรอบยากนิดนึง แต่ก็สวยถูกใจเลยแหละ






สะพานข้ามแม่นำ้แคว ซันนี่ชักเหนื่อยไม่อยากลงจากรถแล้ว ก็เลยไม่ได้ไปเดินเล่นกัน




ปิดท้ายกันที่สุสานทหารสัมพันธมิตร May you rest in peace...



No comments:

Post a Comment